The Peak Shinsaibashi Prestige ตั้งอยู่ใน Shinsaibashi ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโอซาก้า และเป็นในโอกาสการลงทุนที่น่าตื่นเต้นที่สุดของเมือง The Peak Shinsaibashi Prestige จะพร้อมเข้าพักในเดือนสิงหาคม 2568 โดยจะมุ่งเป้าไปที่นักลงทุนที่กำลังมองหาผลตอบแทนสูง การลงทุนเช่าพร้อมการจัดการที่ไม่ยุ่งยาก และแนวโน้มการเติบโตของเงินทุนที่สำคัญ ซึ่งจะสอดคล้องกับการขยายโครงสร้างพื้นฐานของโอซาก้า และแผนสำหรับรีสอร์ทแบบครบวงจรในอีก 2-6 ปีข้างหน้า

ผู้พัฒนาที่อยู่เบื้องหลัง The Peak Shinsaibashi Prestige คือ FMI Japan ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในฮ่องกง และก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดย Amous Lee ผู้มีประสบการณ์ด้านอสังหาริมทรัพย์ชาวสิงคโปร์ FMI Group ให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ซึ่งรวมถึง การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าและการบริหารจัดการ การขายแบบกลุ่ม และการตกแต่งบ้าน นอกจากนี้ บริษัทยังมีบริษัทย่อยที่ถือหุ้นทั้งหมดในญี่ปุ่นภายใต้แบรนด์ 'Chief of Homes' ซึ่งให้บริการด้านการบริหารจัดการทรัพย์สินแบบครบวงจรแก่นักลงทุน ตั้งแต่ปี 2015 FMI Japan ประสบความสำเร็จในการพัฒนาและส่งมอบโครงการที่อยู่อาศัย 18 โครงการในโตเกียว โอซาก้า เกียวโต และโยโกฮาม่า

The Peak Shinsaibashi Prestige ประกอบด้วยยูนิต freehold 52 ยูนิตในอาคารพักอาศัยเดี่ยวสูง 14 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ที่ 1 Chome-13-19, Shimanouchi, Chuo Ward, Osaka ทุกยูนิตในอาคารได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของโอซาก้าสำหรับการเช่าระยะสั้น จำนวน 4 ยูนิตต่อชั้น และแต่ละยูนิตมีพื้นที่ 29.64 ตร.ม.

แผนผังยูนิตเป็นแบบสตูดิโอ ออกแบบมาเพื่อนอนได้ 2-3 คน พร้อมพื้นที่นั่งเล่น/รับประทานอาหาร ห้องครัว และห้องน้ำ พร้อมทั้งพื้นที่เก็บของ แยกเป็นสัดส่วน ทุกยูนิตมีเฟอร์นิเจอร์ครบครันพร้อมชุดเฟอร์นิเจอร์แยกต่างหาก ซึ่งเหมาะสำหรับการเช่าระยะสั้น

ราคาที่ The Peak Shinsaibashi Prestige เริ่มต้นที่ 48,500,000 เยน (ประมาณ 11,740,000 บาท) โดยมีค่าจองห้อง 200,000 บาท หลังจากนั้นจะต้องวางเงินมัดจำเพิ่มเติม 5% ภายใน 3 วันทำการนับจากวันจอง และจะต้องวางเงินมัดจำเพิ่มอีก 35% ภายในหนึ่งเดือนนับจากวันจอง ต้องชำระเงินยอดคงเหลือ 60% สุดท้ายภายในหรือก่อนวันที่ 31 กรกฎาคม 2025

ค่าใช้จ่ายในการโอนจะอยู่ที่ประมาณ 3.3% ของราคาซื้อ ค่าใช้จ่ายต่อเนื่องโดยประมาณซึ่งรวมถึงค่าธรรมเนียมการจัดการอาคาร กองทุน และภาษีผังเมืองอยู่ที่ 25,000 เยนต่อเดือน (ประมาณ 6,000 บาท) ราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) ที่ The Peak Shinsaibashi Prestige จะอยู่ที่ประมาณ 2,500 – 3,000 บาท และสามารถนำไปเปรียบเทียบกับโครงการในเครือของ The Peak Shinsaibashi ที่ปัจจุบันโฆษณาให้เช่าบน booking.com และ The Peak Shinsaibashi ได้คะแนนรีวิว 8.5 และอัตราการเข้าพักเกิน 80%

ในช่วงสองปีแรก ผู้ซื้อที่ The Peak Shinsaibashi Prestige จะได้รับผลตอบแทนค่าเช่าที่รับประกัน 5% หลังจากนั้นอัตราผลตอบแทนค่าเช่าสุทธิต่อปีก่อนหักภาษีคาดว่าจะอยู่ที่ 5.6%

บริการให้เช่าของ FMI Japan ช่วยให้มั่นใจได้ว่านักลงทุนที่ต้องการปล่อยเช่ายูนิตของตนเองที่ The Peak Shinsaibashi Prestige สามารถเพลิดเพลินกับรายได้โดยที่ช่องทางการรับเงินไม่ยุ่งยาก และสามารถส่งตรงไปยังบัญชีธนาคารของพวกเขาในประเทศไทยหรือต่างประเทศ Chief of Homes ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของผู้พัฒนาจะดำเนินการบริการด้านการจัดการทั้งหมด รวมถึงการยื่นขอใบอนุญาต Minpaku หลังจากเสร็จสิ้น โดยอนุญาตให้เช่ายูนิตได้ตามความต้องการของญี่ปุ่น จัดเตรียมเฟอร์นิเจอร์และภาพถ่ายโฆษณา การลงประกาศบนแพลตฟอร์มเช่า รวมถึง booking.com, agoda.com และ trip.com พร้อมทั้งจัดการการลงทะเบียนและการเช็คอินของลูกค้า การทำความสะอาดและเติมสต๊อก จัดทำรายงานการเช่ารายไตรมาส และโอนรายได้เข้าบัญชีของเจ้าของบ้าน

เพื่อเป็นการตอบแทนการบริการ Chief of Homes จะเรียกเก็บเงิน 15% ของค่าเช่ารวม นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์มการเดินทางออนไลน์ 15% ที่เรียกเก็บโดยพอร์ทัลสำหรับการโฆษณา และค่าสาธารณูปโภค ซึ่งมีมูลค่าประมาณ 27,500 เยนต่อเดือน (ประมาณ 6,600 บาท) 

The Peak Shinsaibashi Prestige ตั้งอยู่ในเขต Chuo Ward ซึ่งเป็นหนึ่งใน 24 เขตหรือแขวงของโอซาก้า ห่างจากสถานี Nagahoribashi (สาย Nagahori Tsurumi Green Line/สาย Sakaisuji) โดยใช้เวลาเดิน 3 นาที และห่างจากสถานี Shinsaibashi (สาย Midosuji Sen) โดยใช้เวลาเดิน 8 นาที ซึ่งมีการเชื่อมต่อ ทั้งรถไฟใต้ดินและบนพื้นดินหลายเส้นทาง เช่น 53 นาทีไปยังสนามบินนานาชาติคันไซ 45 นาทีไปยังโกเบ 50 นาทีไปยังเกียวโต และ 48 นาทีไปยังนารา หากเดินทางโดยรถไฟจาก Nagahoribashi ย่าน Namba ที่มีชื่อเสียงสามารถเข้าถึงได้ภายใน 14 นาที และ Universal Studios Japan อยู่ห่างออกไปเพียง 30 นาทีหากเดินทางโดยรถยนต์

นอกจากนี้ The Peak Shinsaibashi Prestige ยังใช้เวลาเดินเพียง 8 นาทีจากแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหาร และความบันเทิงหลักๆ ในใจกลางเมืองโอซาก้า รวมถึงโดทงบุริ คริสต้า นากาโฮริ และตลาดคุโรมอน

การลงทุนในญี่ปุ่นมีความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจ และไม่มีข้อจำกัดสำหรับชาวต่างชาติในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ในญี่ปุ่น ข้อดีการลงทุนในประเทศญี่ปุ่นสรุปได้ดังนี้

• ไม่มีข้อกำหนดด้านถิ่นที่อยู่
• ไม่มีข้อจำกัดในการเป็นเจ้าของชาวต่างชาติ
• Freehold ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
• เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจ
• ระบบกฎหมายและข้อบังคับที่ดี
• เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลง

เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 17% เมื่อเทียบกับเงินบาทในช่วงสองปีที่ผ่านมา ทำให้เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนชาวไทยในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น เยนญี่ปุ่นที่อ่อนค่าได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำในญี่ปุ่น (อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นอยู่ที่ -0.1%) ซึ่งส่งผลให้มีการลงทุนจากต่างประเทศจำนวนมาก ในอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ โดยมีโรงแรมและสินทรัพย์ที่อยู่อาศัย อยู่ที่อันดับต้นๆ ของผู้ซื้อจากต่างประเทศ ความต้องการที่เพิ่มขึ้นคือ ต้นทุนการโอนอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างต่ำ และความต้องการเช่าที่สูง ส่งผลให้มีการคาดการณ์การเติบโตของเงินทุนของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยประมาณ 5% ต่อปีจนถึงปี 2572

ใจกลางเมืองโอซาก้าเป็นหนึ่งในเขตใจกลางเมืองไม่กี่แห่งของญี่ปุ่น ที่ให้เช่าที่พักระยะสั้นแบบส่วนตัว และคาดว่าจำนวนผู้มาเยือนเมืองจะเกินจำนวนในปี 2019 ในไม่ช้า (ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19) ซึ่งอยู่ที่ 12.31 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนโอซาก้าจะเพิ่มขึ้นในปี 2025  Osaka-Kansai Expo และแผนสำหรับรีสอร์ทแบบบูรณาการ (IR) ที่จะเปิดให้บริการในปี 2030

IR ของโอซาก้าจะรวมคาสิโนที่จะพัฒนาโดย MGM จากสหรัฐอเมริกาด้วยการลงทุนมูลค่า 8.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐบนพื้นที่ 49 เฮกตาร์และมีสิ่งอำนวยความสะดวกกว่า 1 ล้านตร.ม. คาดว่าผู้เยี่ยมชม 15 ล้านคนจากทั่วโลก และโดยเฉพาะจากเอเชีย จะเยี่ยมชม IR ในแต่ละปี สร้างรายได้ 3.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ IR ยังจะได้รับประโยชน์จากการขยายสาย Osaka Metro Chuo Line ไปยัง Yumeshima ซึ่งสามารถนำผู้เยี่ยมชมคาสิโนและ IR ไปถึงภายใน 34 นาที โดยรถไฟจาก The Peak Shinsaibashi Prestige

ที่ตั้ง: อยู่ใจกลางเมืองโอซาก้า และสามารถเดินทางเพียง 8 นาทีจากร้านอาหารมากกว่า 100 ร้าน สถานีเปลี่ยนเส้นทางคมนาคม ศูนย์การค้า และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของเมือง

โอกาส: ได้รับประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนค่า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่วางแผนไว้ และการเพิ่มการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในอสังหาริมทรัพย์ของญี่ปุ่น ลงทุนในหลายหน่วยและมีคุณสมบัติได้รับวีซ่าธุรกิจญี่ปุ่น*

การลงทุน : รับประกันผลตอบแทนการเช่า 5% ต่อปี เป็นเวลาสองปี. ความต้องการเช่าสูงโดยคาดว่าจะได้รับผลตอบแทน 5.6% หลังจากสองปีและการเติบโตของเงินทุนเกิน 5% ต่อปี สามารถจำนอง LTV ได้สูงสุด 70%*

การจัดการ: การจัดการแบบครบวงจรโดย Chief of Homes ในราคาที่สมเหตุสมผลพร้อมรายได้ค่าเช่าที่ส่งไปทุกที่ในโลก

ผู้พัฒนา: FMI มีประวัติที่พิสูจน์แล้วในการส่งมอบโครงการที่มีราคาไม่แพงและให้ผลกำไรตามกำหนดเวลา

*เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข